สถานการณ์โควิด – 19 ที่เข้ามาในประเทศไทย เป็นไวรัสที่ติด และแพร่กระจายได้ง่าย ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ และน่ากลัวมาก ๆ ทำให้เราต้องปรับตัว เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต และการทำงาน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระบาดของไวรัสชนิดนี้ ทั้งเรื่องการอยู่ห่างกัน การใส่หน้ากากอนามัย การใช้เจลแอลกอฮอล์ในการล้างมือฆ่าเชื้อ และการรับวัคซีนเพื่อป้องกันโรค ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลายประเทศ หลายบริษัท ที่ผลิตวัคซีนคุณภาพมาให้เราได้ฉีดกัน และได้นำเข้ามาฉีดกันแล้วในประเทศไทย
เตรียมตัวอย่างไรก่อนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19
เมื่อเราได้เลือกวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ที่เรามั่นใจว่าเหมาะกับตัวเองแล้ว สิ่งที่เราต้องเตรียมในขั้นตอนต่อไปก็คือ การตรวจสอบร่างกายของตัวเอง เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ , งดดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ , งดการออกกำลังกาย และที่สำคัญต้องไม่มีอาการป่วย ซึ่งก่อนจะฉีดนั้นเราควรจะแจ้งข้อมูลให้กับแพทย์ได้ทราบ เช่น โรคประจำตัว หรือประวัติการแพ้ยา เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่จะตามมาหลังจากนั้น
5 อันดับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ที่หลายประเทศวางใจว่าดีที่สุด
อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าในปัจจุบันมีวัคซีนทางเลือกมากมาย เพื่อใช้ในการป้องกันโรคโควิด – 19 แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าวัคซีนแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันอย่างไร ประสิทธิภาพเพียงพอไหม และเหมาะกับตนเองหรือไม่ เราจึงได้จัดอันดับวัคซีนที่เป็นที่นิยมมาให้ได้ศึกษากันก่อนตัดสินใจ
1. Pfizer (ไฟเซอร์)
ชื่อทางการว่า BNT162b2 มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด – 19 หรือไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ และไวรัสที่กลายพันธุ์ ได้ถึง 95 % เลยทีเดียว ถูกคิดค้นโดยบริษัทไฟเซอร์ ร่วมกับบริษัทไอโบเอ็นเท็ค วัคซีนนี้เหมาะกับบุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป และไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยต้องฉีดเป็นจำนวน 2 เข็ม ในระยะเวลาห่างกัน 21 วัน ส่วนผลข้างเคียงที่ควรรู้ คือ เมื่อฉีดแล้วจะมีอาการมีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดหัว กล้ามเนื้อ และบวมในจุดที่ฉีด แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับทุกคนนะคะ ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานภายในร่างกายด้วย
2. Moderna (โมเดอร์นา)
วัคซีนทางเลือกที่ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ ประเทศว่าดีไม่แพ้ Pizer เพราะสามารถป้องกันไวรัสโควิด – 19 ได้หลายสายพันธุ์ ประสิทธิภาพสูงถึง 94.1 % ซึ่งวัคซีนดังกล่าวนี้ถูกผลิตโดยใช้พันธุกรรมของไวรัส โดยบริษัทโมเดอร์นา บริษัทผลิตยาอเมริกัน เหมาะกับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ผู้ที่มี่โรคประจำตัวเรื้อรัง และผู้ที่กำลังให้นมบุตรอยู่ก็สามารถฉีดได้ ซึ่งต้องฉีดเป็นจำนวน 2 เข็ม ระยะเวลาห่างกัน 4 สัปดาห์ ผลข้างเคียงคล้ายกับวัคซีนทั่วไป ส่วนอาการแพ้อย่างรุนแรงนั้นเกิดขึ้นได้เพียง 2.5 ราย / 1 ล้านคนเท่านั้น
3. Johnson & Johnson (จอนห์สัน แอนด์ จอนห์สัน)
สำหรับวัคซีน JNJ – 78436735 แม้จะมีข่าวการพักใช้วัคซีนชนิดนี้ แต่ผู้คนก็ยังให้ความมั่นใจอยู่ สามารถป้องกันไวรัสโควิด – 19 ได้ 85 % เป็นวัคซีนที่เก็บรักษาง่ายกว่าวัคซีนชนิดอื่น ถูกผลิตโดยบริษัท Janssen Pharmaceutical Companies ได้รับการรับรองจากเอฟดีเอสหรัฐ ว่าเพียงเข็มเดียวก็สามารถป้องกันไวรัสชนิดนี้ได้ เหมาะกับบุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยฉีดในปริมาณ 2 เข็ม ห่างกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผลข้างเคียงคล้ายกับวัคซีนชนิดอื่น และยังไม่พบผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากการได้รับวัคซีน
4. Astra Zeneca (แอสต้า เซนเนก้า)
เป็นวัคซีนที่ทั่วโลกให้การยอมรับในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด – 19 แถมที่ไทยยังมีการนำเข้าวัคซีนชนิดนี้แล้ว ซึ่งถูกผลิตโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า บริษัทยาและชีวเภสัชภัณฑ์จากเมืองผู้ดีประเทศอังกฤษ ประสิทธิภาพของเจ้าวัคซีนตัวนี้สามารถป้องกันโควิดได้มากกว่า 70 % เหมาะกับบุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่มีโรคประจำตัว ไม่แพ้ยา และไม่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ส่วนผลข้างเคียงก็เหมือนกับวัคซีนโควิดทั่วไป แต่ก็พบผู้เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนในหลายประเทศ ซึ่งขอบอกเลยว่าใครคิดจะฉีดต้องศึกษาข้อมูลให้ดี
5. Sputnik V (สปุตนิก วี)
วัคซีนที่มีชื้อคล้ายกับดาวเทียมดวงแรกของโลกนั้นมีสัญชาติรัสเซีย โดยสถาบันวิจัย Gamaleya โดยใช้เทคนิคไวนัลเวกเตอร์ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไวรัส มีประสิทธิภาพสูงถึง 91.6 เปอร์เซ็นต์ เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี โดยฉีด 2 เข็ม เป็นระยะเวลาห่างกัน 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามวัคซีนตัวนี้ก็มีข้อจำกัดสำหรับผู้ฉีดอยู่มากมาย จึงควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนฉีด
