Categories
รวมบทความ

5 อันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย

5 อันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย
5 อันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย

ในโลกนี้มีประเทศที่มากมายหลายประเทศบางประเทศก็รวยเสียจนประเทศอื่น ๆ ต้องอิจฉา บางประเทศก็แสนจะจนอดอยากกันเลยทีเดียว วันนี้เราจะไปดูกับประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียว่า พวกเขานั้นยากจนมาจากสาเหตุอะไรบ้าง และเพราะอะไรที่ทำให้ประเทศเหล่านี้ยากจน ขนาดที่ทำให้คนทั้งประเทศนั้นแทบไม่จะกินกัน

1. ประเทศที่ยากจน เกาหลีเหนือ ดินแดนแห่งทหารที่เป็นใหญ่เหนือสิ่งใด

ประเทศที่ยากจน เกาหลีเหนือ ดินแดนแห่งทหารที่เป็นใหญ่เหนือสิ่งใด
ประเทศที่ยากจน เกาหลีเหนือ ดินแดนแห่งทหารที่เป็นใหญ่เหนือสิ่งใด

จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันเกาหลีเหนือตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออก และเป็นประเทศที่ยากจนเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย โดยมี GDP ต่อหัวเพียงแค่ 651 ดอลลาร์ ความยากจนในประเทศเกาหลีเหนือเกิดจากการปกครองโดยระบอบเผด็จการ ซึ่งทำให้ตลาดเสรีนั้นแทบไม่มีอยู่จริงในเกาหลีเหนือ คาดว่าปริมาณประชากร 60% ของเกาหลีเหนือนั้นอาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนของประเทศ โดยระบอบเผด็จการของเกาหลีเหนือนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศเกาหลีเหนือนั้นเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอีกด้วย

2. ประเทศเนปาล ประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นอยู่รอบตัว

ประเทศเนปาล ประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นอยู่รอบตัว
ประเทศเนปาล ประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นอยู่รอบตัว

ประเทศเนปาลนั้นตั้งอยู่ในเอเชียใต้ ซึ่งถือเป็นประเทศที่ยากจนเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชียเลยก็ว่าได้ ประเทศเนปาลนั้นมี GDP ต่อหัวอยู่ที่ 718 ดอลลาร์ ความยากจนของประเทศเนปาลนั้นมาจากการไม่มั่นคงทางการเมืองในการคอร์รัปชั่น จึงเกิดปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลา ทว่าประเทศเนปาลนั้นยังขาดแคลนทางอุตสาหกรรม และพึ่งการเกษตรกรรมแทน แม้จะอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก แต่ประเทศเนปาลกลับไม่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมากเท่าไรนัก แต่กลับให้ทรัพยากรธรรมชาติกับประเทศอื่นที่เข้ามาลงทุน จนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ประเทศเนปาลนั้นเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย รองลงมาจากประเทศเกาหลีเหนือ

3. ประเทศทาจิกิสถาน เป็นประเทศที่ประชากรหนีออกนอกประเทศ

ประเทศทาจิกิสถาน เป็นประเทศที่ประชากรหนีออกนอกประเทศ
ประเทศทาจิกิสถาน เป็นประเทศที่ประชากรหนีออกนอกประเทศ

ด้วยประเทศทาจิกิสถานนั้นตั้งอยู่ทางตอนใต้บริเวณเอเชียกลาง ซึ่งมี GDP ต่อหัว 729 ดอลลาร์ จึงทำประเทศทาจิกิสถานเป็นประเทศที่ยากจน เกิดจากการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นหยุดชะงักลง คนที่มีความรู้ความสามารถหลายคนย้ายออกนอกประเทศ เพื่อค้นหาโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น จนทำให้ประเทศทาจิกิสถานเป็นประเทศที่มีระบบการโอนย้ายเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้สงครามกลางเมืองของประเทศทาจิกิสถานนั้นได้ทำลายโรงเรียนประมาณ 1 ใน 5 ของโรงเรียนทั้งหมดในประเทศ ทำให้เด็ก ๆ ไม่สามารถได้รับการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดในการลดปัญหาความยากจนนั้นเอง

4. ประเทศเยเมน เป็นที่เกิดสงครามเป็นเวลานาน

ประเทศเยเมน เป็นที่เกิดสงครามเป็นเวลานาน
ประเทศเยเมน เป็นที่เกิดสงครามเป็นเวลานาน

ประเทศเยเมนนั้นเป็นประเทศเอเชียที่อยู่ในตะวันออกกลาง และเป็นประเทศที่มีค่า GDP ต่อหัวเพียง 851 ดอลลาร์ ตามที่องค์การสหประชาชาติจัดอันดับให้ประเทศเยเมนอยู่ที่ 168 จาก 177 ประเทศในดัชนีการพัฒนามนุษย์ หรือ HDI ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดของโลก และเป็นประเทศที่ยากจนเป็นอันดับ 4 ในเอเชีย ด้วยความยากจนของประเทศเยเมนนั้นเกิดจากการทำสงครามกลางเมือง การคอร์รัปชั่นทางการเมือง และการจัดการทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด ทำให้ประชากร และประเทศเยเมนตกอยู่ในความยากจนอย่างแสนเข็ญ ประมาณ 79% ของประชากรชาวเยเมนอาศัยอยู่ในภายใต้เส้นความยากจน และ 65% ของประชากรนั้นจัดได้ว่ายากจน จนแทบไม่มีอะไรจะกิน และยังต้องหวาดกลัวกับสงครามอีกด้วย

5. ประเทศคีกีสถาน ประเทศที่ธรรมชาติไม่ให้อะไรเลย

ประเทศคีกีสถาน ประเทศที่ธรรมชาติไม่ให้อะไรเลย
ประเทศคีกีสถาน ประเทศที่ธรรมชาติไม่ให้อะไรเลย

อันดับสุดท้ายของประเทศที่ยากจนอย่างประเทศคีกีสถานนั้น เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเอเชียกลาง มีแต่ภูเขาที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ และไม่มีทางเดินเรือออกสู่ทะเล ทำให้ประเทศคีกีสถานมีรายได้ประชาชาติขั้นต้น หรือ GNI ต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของยุโรป และเอเชียกลาง ประมาณ 32% ของประชากรนั้นมีชีวิตที่อยู่ที่เส้นความยากจน ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้ประเทศคีกีสถานนั้นเกิดความยากจนคือ การพึ่งการเกษตร และช่องว่างในความรู้ รวมถึงทรัพยากรในหมู่ประชาชน ประเทศคีกีสถานนั้นยังมีทรัพยากรทางธรรมเพียงแค่ไม่กี่แห่งที่เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก และสามารถส่งออกได้เฉพาะฝ้าย หรือยาสูบเท่านั้น นอกจากนี้ยังขาดการบริการทางด้านธนาคาร และการเงินในประเทศอีกด้วย ทำให้ประชาชนในประเทศนี้ไม่สามารถทำการทุนได้ จึงทำให้เกิดการขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก