5 อันดับ วัคซีนต้านไวรัสโคโรนาที่องค์กรอนามัยโลกอนุมัติ

นับตั้งแต่ไวรัสโคโรนาได้แพร่ระบาดจากประเทศจีนไปยังทั่วโลก ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมจากทั่วโลกนับล้าน ๆ คน อีกทั้งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนที่จะต้องใช้ชีวิตแบบ NEW NORMAL นอกเหนือจากการเปลี่ยนรูปแบบ และวิถีการใช้ชีวิตเพื่อลดอัตราการติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นทุกวันแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดวิทยาจากทั่วโลกก็ยังร่วมกันคิดค้นวัคซีน เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อกันอย่างสุดความสามารถ จนปัจจุบันนี้ก็ได้วัคซีนที่ถูกพัฒนา และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่จำนวนผู้ติดเชื้อก็ยังไม่ลดลงมากนัก 

ไวรัสโคโรนา คืออะไร

ไวรัสโคโรนา ( CORONAVIRUS ) หรือ โควิด-19 คือ ไวรัสที่ยังไม่ทราบแหล่งกำเนิดอย่างชัดเจนว่า มาจากแหล่งใด ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากเชื้อไวรัส SARS-COV-2 ไม่ว่าคน หรือสัตว์ก็สามารถติดได้ ซึ่งไวรัสตัวนี้มีอนุภาคขนาดเล็กมาก สามารถแพร่กระจายอยู่ในอากาศ วัตถุ หรือสิ่งของได้เป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาจะกระจายผ่านสารคัดหลั่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำลาย น้ำมูก น้ำตา ผ่านการสัมผัสเข้าสู่ร่างกาย และมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ

ไวรัสโคโรนา แพร่กระจายอย่างไร ?

ไวรัสโคโรนา (CORONAVIRUS ) การติดเชื้อไวรัสโคโรนา สามารถติดเชื้อได้ 3 รูปแบบ 1.การสัมผัสเชื้อของเหลวที่ออกมาจากตัวของผู้ติดเชื้อการสัมผัสทางหู ตา จมูก ปาก 2.ติดต่อจาก น้ำมูก หรือน้ำลายของผู้ป่วย 3.ผ่านทางละอองอากาศจากการไอ จาม หรือจากการสัมผัสวัตถุ หรือสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสติดอยู่ เนื่องจากเชื้อไวรัสมีโมเลกุลที่เล็กมาก จึงสามารถแพร่กระจาย และเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ หากมีการติดเชื้อขั้นรุนแรง เชื้อไวรัสโคโรนาจะลงปอดอาจถึงขั้นเสียชีวิต 

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มีสายพันธุ์อะไรบ้าง?

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยิ่งทรุดหนักขึ้นทุกวัน และที่สำคัญเจ้าไวรัสตัวนี้ก็ยังมีความสามารถในการกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์อัลฟา สายพันธุ์เบต้า สายพันธุ์แกมมา สายพันธุ์เดลตา และล่าสุดได้พัฒนามาเป็นสายพันธุ์ใหม่โอมิครอน ที่มีความสามารถในการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือมันสามารถหลีกภูมิต้านทานของวัคซีนในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทำให้ประสิทธิภาพของวัควีนที่มีอยู่ลดลง

อาการติดเชื้อไวรัสโคโรนา

องค์การอนามัยโลกแนะนำวิธีสังเกตอาการติดเชื้อไวรัสโคโรนาไว้โดย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม หลัก ๆ 1.อาการในกลุ่มผู้ใหญ่ มีอาการเป็นไข้ หรือไอแห้ง ๆ หายใจลำบาก เหนื่อย อ่อนเพลีย มีน้ำมูก ปวดตามเนื้อตัว ปวดหัว 2.ในกลุ่มเด็กอายุไม่เกิน 10 ปี อาจมีไข้สูงเกินกว่า 5 วันขึ้นไป แม้จะทานยาลดไข้ แต่ไข้ก็ไม่ลดลง มีอาการเบื่ออาหาร มีการอักเสบบริเวณผิวหนัง มีผื่นคันตามตัว รวมทั้งมีอาการท้องเสียร่วมด้วย 3.อาการที่พบในผู้ติดเชื้อบางราย คือ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสได้น้อยลง มีอาการคัดจมูก ตาแดง เจ็บคอ ปวดข้อ คลื่นไส้ อาเจียน

พ.ร.ก. ฉุกเฉินในกฎหมายไทย กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

นับแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ภาครัฐได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดออกมามากมาย แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดหนักขึ้นภาครัฐ จึงต้องมีมาตรการคุมเข้ม เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ จึงมีการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินปัจจุบันเป็นครั้งที่ 15 ผ่านเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เนื่องจากการระบาดขั้นรุนแรงขึ้นอีกครั้งของโควิด – 19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ขยายเวลาบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564- 31 มกราคม 2565 

วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา

  • ล้างมือทุกครั้งเมื่อไปในที่สาธารณะ ควรล้างมือด้วยสบู่ควบคู่ไปกับการล้างด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง จึงจะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี และไม่ควรใช้หน้ากากอนามัยซ้ำเกิน 1 ครั้ง เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้
  • หลีกเลี่ยงการเอามือไปสัมผัสใบหน้า ปาก จมูก และดวงตา เพราะอาจทำให้เชื้อโควิด-19 เข้าสู่ร่างกายได้
  • หลีกเลี่ยงการไปในที่คนพลุกพล่าน หากจำเป็นต้องไปควรสแกนบาร์โค้ดแอพเราชนะก่อนเข้าไปในบริการในสถานบริการนั้นก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นการบันทึกไทมไลน์

 

5 อันดับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาที่องค์กรอนามัยโลกอนุมัติ

1. วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค

ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ร่างกายจะมีการสร้างภูมิต้านทานเมื่อได้รับ 2 โดส ระยะห่างในการฉีด คือ 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ได้รับการรับรอง และทดสอบว่าสามารถป้องกันความรุนแรงของเชื้อไวรัสได้ 100% ป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 96.4% นับว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตอนนี้ แต่ทั้งนี้ก็อาจมีผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนด้วยเช่นกัน เช่น มีอาการไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน 

 

2. วัคซีนโมเดอนา

โมเดอร์นา ได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 เป็นวัคซีนทางเลือกที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ถึง 94.1% เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นอันดับสอง ช่วยลดความรุนแรงจากการติดเชื้อ และความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ถึง 100% เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 – 18 ปี ผู้ที่ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเข็มแรกแล้วมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรง เนื่องจากแพ้สารในวัคซีน ไม่ควรฉีดโมเดอร์นาเป็นเข็มที่สองอีก

 

3. วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 เป็นวัคซีนทางเลือกที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ถึง 66.3% เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และเหมาะกับผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เป็นวัคซีนตัวเดียวที่ผ่านการทดสอบว่าฉีดเพียงเข็มเดียวก็มีประสิทธิภาพเพียงพอในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย การฉีดเข็มสองไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันวัคซีนตัวนี้ได้ถูกระงับการฉีดชั่วคราว เนื่องจากมีตรวจพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนชนิดนี้มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำร่วมกับภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

 

4. วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นวัคซีนทางเลือกที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ถึง 70% ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 100% ควรฉีด 2 เข็ม ร่างกายจึงจะสร้างภูมิต้านทานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการฉีดเข็มเดียว เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงที่จะเกิดลิ่มเลือดอุดตัน และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ พบได้น้อยมากในวัคซีนชนิดนี้ (10,000 คน สามารถพบได้ 1 คนเท่านั้น)

 

5. วัคซีนโควิชิลด์

วัคซีนโควิชิลด์ ผลิตในประเทศอินเดีย เป็นวัคซีนทางเลือกที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ถึง94% ควรฉีด 2 เข็ม ร่างกายจึงจะสร้างภูมิต้านทานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากกว่า และต้องทิ้งระยะห่างในการฉีดเข็มสองเป็นระยะเวลา 12-16 สัปดาห์

 

บทสรุป

ปัจจุบันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ขยายวงกว้างขึ้น และมีการพัฒนาสายพันธุ์อย่างรุนแรงมากขึ้นไปทั่วโลก วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพน้อยลง สิ่งสำคัญในการลดอัตราผู้ติดเชื้อ คือ การป้องกัน และดูแลตัวเอง เพราะโรคระบาดนี้ยังคงอยู่กับเราไปอีกนาน สิ่งสำคัญคือต้องหมั่นล้างมือ และสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกไปยังที่สาธารณะ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันของภาครัฐอย่างเคร่งครัด และมีความรับผิดชอบต่อสังคม

 

 

เว็บบอล

Share To :

Facebook
Twitter
Pinterest
Email