Categories
รวมบทความ

5 อันดับอาหารขึ้นชื่อของต่างประเทศ ที่อร่อยติดอันดับโลก

5 อันดับอาหารขึ้นชื่อของต่างประเทศ ที่อร่อยติดอันดับโลก
5 อันดับอาหารขึ้นชื่อของต่างประเทศ ที่อร่อยติดอันดับโลก

เมนูอาหารในประเทศไทยนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่อาหารไทยแท้ ๆ นั้นจะมีรสชาติที่เข้มข้น มีรสเฉพาะตัวของเครื่องเทศ ยกตัวอย่าง ต้มยำกุ้ง ส้มตำ และแกงมัสมั่น ที่เป็นของขึ้นชื่อของประเทศไทยที่ดังไปไกลถึงทั่วโลก และประเทศไทยเองก็ได้รับวัฒนธรรมอาหารหลาย ๆ อย่างมาจากประเทศอื่น เพื่อมารับประทานกันจนกลายเป็นที่นิยม เนื่องจากเอกลักษณ์ของอาหารแต่ละประเทศที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้มีทางเลือกในการรับประทานที่มากขึ้น

อาหารของแต่ละประเทศแตกต่างกัน

อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าแต่ละประเทศนั้นมีเอกลักษณ์การทำอาหารของตนเอง ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิต สภาพแวดล้อมของแต่ละประเทศ ทำให้มีการทานอาหารที่แตกต่างกัน เช่น บางประเทศนิยมทานแป้งเป็นอาหารหลัก อาหารส่วนใหญ่ก็จะทำมาจากแป้ง บางประเทศก็มีวัตถุดิบดี ๆ ที่หาได้ง่าย สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ เป็นเหตุให้อาหารขึ้นชื่อของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกันตามไปด้วย

5 อันดับ อาหารต่างประเทศที่ขึ้นชื่อ และเป็นที่นิยมในไทย

ในตอนนี้เราได้นำอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศ มาจัดอันดับความนิยมให้ทุก ๆ คนได้รู้จัก ซึ่งบางอย่างนั้นหลาย ๆ อาจเป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนที่ได้อ่าน และรับประทานกันเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะอาหารที่เราได้นำมานั้น ล้วนเป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย

1. ช็อกโกแลต ของขึ้นชื่อของประเทศเม็กซิโก

ช็อกโกแลต ของขึ้นชื่อของประเทศเม็กซิโก
ช็อกโกแลต ของขึ้นชื่อของประเทศเม็กซิโก

รู้หรือไม่ว่าช็อกโกแลตที่เรากินกันอยู่บ่อย ๆ เป็นที่นิยมทั้งในไทย และต่างประเทศ แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโกในหลายพันปีที่แล้ว แปรรูปมาจากผลโกโก้ที่ปลูกกันในละแวกนั้น เพื่อนำมาประกอบอาหาร และเครื่องดื่มช็อกโกแลตรสขม ซึ่งในอดีตเชื่อกันว่าผลโกโก้นั้นเป็นอาหารที่เทพเจ้ามอบให้ จึงนิยมดื่มกันในวันพิเศษ ต่อมาได้ถูกปรับปรุงพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในประเทศเม็กซิโก และหลาย ๆ ประเทศ จนมีรูปร่างลักษณะอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

2. ซูชิ อาหารหลากหลายหน้าตาจากประเทศญี่ปุ่น

ซูชิ อาหารหลากหลายหน้าตาจากประเทศญี่ปุ่น
ซูชิ อาหารหลากหลายหน้าตาจากประเทศญี่ปุ่น

ซูชิอาหารของประเทศญี่ปุ่นที่มีมานานนับพันปี มีลักษณะเป็นข้าวปั้น แต่ละชิ้นนั้นจะประกอบด้วยวัตถุดิบหลากหลาย เช่น ปลาดิบชนิดต่าง ๆ ไข่ปลา กุ้ง ตับห่าน ผัก ไข่หวาน ฯลฯ ในปัจจุบันนิยมรับประทานกับซอส และวาซาบิ ซูซินั้นเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในประเทศไทย หาซื้อได้ง่าย เพราะมีขายกันอย่างมากมาย เช่น ขายกันตามตลาด ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านโอมากาเสะ ห้างสรรพสินค้า ซึ่งราคาเริ่มต้นตั้งแต่คำละ 5 บาทไปจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ในการทำ ความชำนาญของเชฟ และปัจจัยอื่น

3. โดนัท เบเกอรี่ของสหรัฐเมริกา

โดนัท เบเกอรี่ของสหรัฐเมริกา
โดนัท เบเกอรี่ของสหรัฐเมริกา

อีกหนึ่งเบเกอรี่ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย และต่างประเทศเองก็เช่นกัน ลักษณะเป็นแป้งทอดมีรูตรงกลาง ถูกนำมาแต่งหน้าอย่างสวยงามน่ารับประทาน รับประทานเป็นอาหารว่าง รสชาติหวานนุ่มละมุนลิ้น สามารถหาทานได้ง่าย มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในเมืองแมนเฮตเตน และได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนเป็นขนมที่มีหน้าตาหลากหลายมากในปัจจุบัน

4. เป็ดปักกิ่ง อาหารฮ่องเต้จากประเทศจีน

เป็ดปักกิ่ง อาหารฮ่องเต้จากประเทศจีน
เป็ดปักกิ่ง อาหารฮ่องเต้จากประเทศจีน

เมนูในตำนานที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองไคเฟิง ประเทศจีน ลักษณะเป็นหนังเป็ดแผ่นบาง อร่อยกรุบกรอบ ถูกเรียกกันว่าอาหารฮ่องเต้คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ได้กิน เพราะเป็นอาหารที่ฮ่องเต้ในราชวงศ์หยวนโปรดปรานเป็นอย่างมาก ถึงขั้นสงวนไว้ทานในราชวงศ์และขุนทางระดับสูงเท่านั้น ในปัจจุบันเป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันในวันพิเศษ เนื่องจากวิธีการทำที่ยุ่งยาก และราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ก็มีขายในประเทศไทยในหลากหลายราคา บางร้านก็มีการจัดเป็นเซตคู่กับอาหารจีนชนิดอื่นโดยมีเป็ดปักกิ่งเป็นซิกเนเจอร์

5. ครัวซองต์ จากประเทศฝรั่งเศส

ครัวซองต์ จากประเทศฝรั่งเศส
ครัวซองต์ จากประเทศฝรั่งเศส

เมนูยอดนิยมในประเทศไทยที่ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ เพราะเป็นขนมรูปพระจันทร์เสี้ยวที่หลายคนชื่นชอบ มีขายที่ไหนเป็นอันหมดเกลี้ยง รับประทานได้ทั้งเป็นของหวาน และอาหารว่าง พัฒนามาจากขนม “คิปเฟล” ซึ่งมีที่มาจากประเทศออสเตรเลีย ถูกนำเข้ามายังฝรั่งเศสโดยเจ้าหญิงจากกรุงเวียนนา จนเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าราชวงศ์ และได้มีการปรับปรุงสูตร และเรียกกันว่า “ครัวซองต์” ในปัจจุบัน โดยราคาที่ขายกันในประเทศไทยนั้นก็มีหลากหลายราคาให้เลือกสรร ตั้งแต่ราคาถูกหลักสิบ ไปจนถึงราคาหลักร้อย

Categories
รวมบทความ

5 อันดับน้ำหอมยอดนิยมสำหรับผู้ชายในปี 2021

5 อันดับน้ำหอมยอดนิยมสำหรับผู้ชายในปี 2021
5 อันดับน้ำหอมยอดนิยมสำหรับผู้ชายในปี 2021

กลิ่นของน้ำหอม ถือได้ว่ามีความสำคัญ เพราะหากผู้ชายมีกลิ่นตัวที่หอมก็จะสามารถช่วยเพิ่มเสน่ห์ได้อย่างหนึ่ง เพราะนอกจากความหอมแล้ว สาว ๆ หลายคนยังมองไปถึงการดูแลตัวเองด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้นั้นบ่งบอกถึงการใส่ใจตัวเองที่ดี คราวนี้สำหรับหนุ่มๆ คนไหนที่ไม่รู้จะเลือกน้ำหอมผู้ชายแบรนด์ไหน หรือกลิ่นอะไรมาเพิ่มเสน่ห์ วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 อันดับกลิ่นน้ำหอมยอดนิยมของผู้ชายในปี 2021 มาแนะนำให้ทุกท่านได้เลือกกันนะครับ คราวนี้รับรองว่าตัวหอมถูกใจทั้งตัวเอง และคนข้าง ๆ แน่นอนครับ

1. น้ำหอมยอดฮิตติดลมบน Y EDP

น้ำหอมยอดฮิตติดลมบน Y EDP
น้ำหอมยอดฮิตติดลมบน Y EDP

น้ำหอมที่ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย เพราะถูกจัดให้เป็นน้ำหอมที่ได้รับคำชมมากที่สุดในตอนนี้ ซึ่ง Y EDP กลายเป็นน้ำหอมที่ฮิตมากจนหาได้ยากในตอนนี้ กลิ่นของน้ำหอม Y EDP กลิ่นที่สดชื่นจากกลิ่นของผลไม้ และยังมีกลิ่นที่ออกหวานเหมือนกลิ่นหมากฝรั่งรสผลไม้ พร้อมทั้งโครงสร้างกลิ่นที่ทันสมัย น้ำหอมชนิดนี้นั้นมีกลิ่นที่ติดทนนานได้เกือบทั้งวัน เวลาที่ได้กลิ่นน้ำหอมชนิดนี้นั้นจะทำให้นึกถึงผู้ชายที่ดูเฟรนลี่ และมีเสน่ห์ รวมถึงได้ความหรูหราเล็กน้อยไปในตัวอีกด้วย ถือว่าเป็นน้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก

2. น้ำหอมจากประเทศตุรกี HACIVAT NISHANE

น้ำหอมจากประเทศตุรกี HACIVAT NISHANE
น้ำหอมจากประเทศตุรกี HACIVAT NISHANE

HACIVAT NISHANE ออกวางขายเมื่อ 2017 ซึ่งมีความโด่งดังเป็นอย่างมาก เป็นน้ำหอมที่มาจากประเทศตุรกี กลิ่นของน้ำหอม HACIVAT NISHANE นั้นจะมีกลิ่นที่ออกไปทางใบมะกรูด และสับปะรด น้ำหอมชนิดนี้นั้นมีกลิ่นที่ติดทนนานได้ถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว และยังสามารถกระจายกลิ่นหอมออกไปได้เรื่อย ๆ ด้วยกลิ่นที่ชัดเจนเป็นอย่างมาก เวลาที่ได้กลิ่นน้ำหอม HACIVAT NISHANE นั้นจะให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ริมทะเล และความรู้สึกที่อยากเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ถ้าใครที่ใช้บ่อย ๆ อาจจะติดกลิ่นของน้ำหอมชนิดไปเลยก็ได้

3. PARCO PALLADIANO VII ใช้ได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง

PARCO PALLADIANO VII ใช้ได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง
PARCO PALLADIANO VII ใช้ได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง

แม้จะมาในราคาที่แพงมากกว่าน้ำหอมทั่วไป แต่หลายคนที่ชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ต่างบอกว่าคุ้มค่า ซึ่งในตอนนี้ก็ถือว่าหาซื้อได้ยาก น้ำหอมชนิดนี้นั้นมาจากประเทศอิตาลีซึ่งเปิดตัวไปในปี 2017 ในส่วนของกลิ่นของน้ำหอม PARCO PALLADIANO VII จะให้ความรู้สึกของกลิ่นดอก LILAC และกลิ่นของน้ำทะเล สามารถใช้ได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง กลิ่นของน้ำหอมชนิดนี้นั้นติดทนนานถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ใครที่ได้กลิ่นแล้วจะให้ความรู้สึกแบบหรูหรา อบอุ่น ตามแบบฉบับผู้ชายที่เนี๊ยบ ๆ เท่ ๆ สะอาดสะอ้านแบบคุณชายในหนัง 

4. LA NUIT DEL’ HOMME น้ำหอมที่เหมาะกับการไปเดท

LA NUIT DEL’ HOMME น้ำหอมที่เหมาะกับการไปเดท
LA NUIT DEL’ HOMME น้ำหอมที่เหมาะกับการไปเดท

LA NUIT DEL’ HOMME น้ำหอมที่ฉีดแล้วไม่ต้องคิดมาก คนรอบข้างชอบแน่นอน เพราะจะให้กลิ่นที่ออกเป็นแป้งหรู กลิ่นผสมของกระวานที่จะทำให้คนที่ได้กลิ่นนั้นรู้สึกว่า SEXY หรือ HOT ขึ้นมาทันที แต่ก็ยังได้กลิ่นของดอก LAVENDER ที่จะทำให้กลิ่นของน้ำหอมชนิดนี้ให้ความรู้สึกสะอาดคลีน ๆ โอกาสที่เหมาะจะใช้น้ำหอมชนิดนี้นั้นเหมาะแก่การไปเดทในห้องแอร์ ถือว่าเป็นน้ำหอมอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีราคาไม่แพงมาก ถ้าเทียบกับคุณภาพของการใช้งานที่ติดทนนานเกิน 6 ชั่วโมง และยังหาซื้อได้ง่ายกว่าอีกด้วย

5. VALENTINO UOMO

VALENTINO UOMO
VALENTINO UOMO

และก็มาถึงอันดับสุดท้ายของน้ำหอมผู้ชายในปี 2021 กันแล้ว ซึ่งน้ำหอม VALENTINO UOMO มาจากประเทศอิตาลี ในส่วนของกลิ่นนั้นจะมีความแตกต่างกับน้ำหอมของผู้ชายทั่วไป กลิ่นจะออกไปในทาง NUTELLA หวาน หอม และก็จะได้กลิ่นของลิปสติกผู้หญิงเขามาแทรกนิดหน่อยเพิ่มความหรูหรา ใครที่ได้กลิ่นของน้ำหอมชนิดนี้นั้นจะให้อารมณ์เหมือนผู้ชายเนี๊ยบมีออร่าผสมความเซ็กซี่อยู่ในตัวอีกด้วย กลิ่นของน้ำหอมชนิดนี้นั้นติดทนนานถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว

Categories
รวมบทความ

5 อันดับทะเลทั่วโลกที่มีชายหาดที่สวยจนน่าไปเยือน

5 อันดับทะเลทั่วโลกที่มีชายหาดที่สวยจนน่าไปเยือน
5 อันดับทะเลทั่วโลกที่มีชายหาดที่สวยจนน่าไปเยือน

บนโลกใบนี้ทะเลนั้นมีพื้นที่มากกว่าพื้นดิน แต่ทะเลที่ไหนบ้างจะมีชายหาดสวย ๆ ให้ผู้คนนั้นมาท่องเที่ยวพักผ่อนกัน ผมว่าก็มีเยอะมากจนนับได้ไม่หมดกันเลยทีเดียว ในวันนี้ผมจะมาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการจัด 5 อันดับทะเลที่มีชายหาดที่สวยที่สุดกันนะครับ ส่วนจะสวยงดงามสมคำร่ำลือหรือไม่ เราไปดูกันเลยครับ

1. ทะเลที่มีชายหาดเฟทิเยที่งดงาม พร้อมวิวสุดแจ่ม

ทะเลที่มีชายหาดเฟทิเยที่งดงาม พร้อมวิวสุดแจ่ม
ทะเลที่มีชายหาดเฟทิเยที่งดงาม พร้อมวิวสุดแจ่ม

ใน ตุรกี นั้นมีทะเลที่มีชายหาดที่สวยอย่าง ชายหาดเฟทิเย ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ทำให้เรียกนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาเที่ยวพักผ่อนก่อนอย่างสบายใจ โดยตัวหาดนั้นมีสีของน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับชายหาดทรายสีขาวละเอียด และยังมีจุดชมพระอาทิตย์อัสดง ทำให้ที่นี่เป็นชายหาดที่มีความสวยงามอย่างลงตัว จนสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีกันเลยทีเดียว ถ้าใครที่ยังหาที่เที่ยวหลังโควิด 19 ยังไม่ได้ ชายหาดเฟทิเยถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวใช่ไหมละครับ

2. ชายหาดไวท์เฮเวนจากทะเลฝั่งออสเตรเลีย

ชายหาดไวท์เฮเวนจากทะเลฝั่งออสเตรเลีย
ชายหาดไวท์เฮเวนจากทะเลฝั่งออสเตรเลีย

เป็นทะเลที่มีชายหาดที่สวยอีกแห่งในออสเตรเลียเลยก็ว่าได้ สำหรับหาดไวท์เฮเวนนั้นเป็นชายหาดที่มีการโหวตว่าสวยในทุก ๆ ปี ถูกยอมรับว่ามีเม็ดทรายที่ขาวที่สุดในโลก และทรายบนหาดแห่งนี้ไม่เหมือนกับหาดทรายทั่วไป เพราะเป็นทรายที่ไม่เก็บความร้อน ทำให้เราสามารถเดินเท้าเปล่าบนหาดได้อย่างสบาย สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปประเทศออสเตรเลียต้องห้ามพลาด

3. เกาะซาคีนโตส ชาดหาดนาวาจิโอที่สวยงาม

เกาะซาคีนโตส ชาดหาดนาวาจิโอที่สวยงาม
เกาะซาคีนโตส ชาดหาดนาวาจิโอที่สวยงาม

ชาดหาดนาวาจิโอ ทะเลเปิดจากประเทศกรีซเองก็มีชายหาดที่สวยที่สุด จนปรากฏในซีรี่ย์เรื่อง Descendants of the Sun ชายหาดนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยหน้าผาสูง บนหาดเต็มไปด้วยก้อนหินสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าสดใส และยังมีซากเรือเก่าที่มีประวัติมากมายของคนในช่วงยุค 80’ S ให้ได้ลองศึกษากันดูอีกด้วย นับเป็นอีก 1 ชายหาดที่สวยสะกดทุกสายตา โดยมีทะเลสีฟ้าที่สวยงามล้อมรอบทั่วหาดเลยทีเดียว

4. ทะเลแปลกโบราโบร่า

ทะเลแปลกโบราโบร่า
ทะเลแปลกโบราโบร่า

ทะเลที่มีชายหาดสวยแปลกตาเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ว่าอยู่บนเกาะที่มีป่าเขตร้อน จึงเกิดการผสมผสานที่ลงตัวสวยงาม และน้ำทะเลของชายหาดโบราโบร่านั้นมีความใสเป็นอย่างมาก ใสจนเห็นผืนทรายใต้ทะเลเลยทีเดียว โดยความสวยงามของธรรมชาติที่ล้อมตัวเกาะเป็นสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวชื่นชอบ และสนใจเป็นอย่างมากในการมาเยี่ยมเยือน ณ ที่แห่งนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่าใครที่หาที่เที่ยว หรือฮันนีมูนนั้นต้องห้ามพลาดกับโบราโบร่า

5. ทะเลแห่งหมู่เกาะมัลดีฟส์

ทะเลแห่งหมู่เกาะมัลดีฟส์
ทะเลแห่งหมู่เกาะมัลดีฟส์

หมู่เกาะมัลดีฟส์นั้นเป็นประเทศในเอเชียที่เล็กที่สุดในโลก ลักษณะเด่นของประเทศนี้อยู่ที่การมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเตี้ยสุดในโลกอีกด้วย และยังมีชายหาดที่ขาวสะอาด น้ำทะเลที่ใสจนเห็นปลาได้ทั่วทั้งชายหาด และยังมีบริการต่าง ๆ ในหมู่เกาะอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบความสงบของท้องทะเล และความสวยงามของธรรมชาติแนะนำต้องลองไปหมู่เกาะมัลดีฟส์ดูนะครับ

Categories
รวมบทความ

5 อันดับรถยนต์ที่สวยที่สุด พร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย

5 อันดับรถยนต์ที่สวยที่สุด พร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย
5 อันดับรถยนต์ที่สวยที่สุด พร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย

ในปัจจุบันรถยนต์นั้นถูกผลิตขึ้นมาให้เลือกกันอย่างหลากหลาย ซึ่งแต่ละรุ่นที่ผลิตออกมานั้นก็เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และให้เหมาะกับการใช้งานของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน ซึ่งราคาของแต่ละรุ่นนั้นก็แตกต่างกันตามไปด้วย หากคุณกำลังมองหารถสักคัน แนะนำให้ศึกษาข้อมูลของแต่ละรุ่นให้ละเอียด เพื่อให้รถของคุณนั้นสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคุณได้อย่างดีที่สุด อีกทั้งเปรียบเทียบราคาและสมรรถนะของหลาย ๆ รุ่น ว่าคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่เสียไปหรือไม่

รถยนต์ส่วนตัว ที่สายสะสม สายรักรถยนต์ไม่ควรพลาด

เชื่อว่าหลายคนคงมีเหตุผลในการซื้อรถยนต์ส่วนตัว เช่น ความชอบ ความสวยงาม ขนาด สมรรถนะ ความเร็ว การประหยัดน้ำมัน ราคาที่เหมาะสม และอีกหลาย ๆ เหตุผลที่นำมาใช้ในการเลือกซื้อ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง เมื่อซื้อมาแล้วไม่เหมาะกับการใช้งานของท่าน แต่สำหรับใครที่เป็นสายสะสมรถยนต์ สายรักรถ สายชอบความสวยงามของรถ รวมถึงฟังก์ชั่นที่หลากหลาย เราก็มีการจัดอันดับรถสวย ๆ ไว้ให้ได้รู้จัก และมีข้อมูลของรถให้ท่านได้ศึกษา

5 อันดับรถสวยงาม พร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย

หากใครเป็นสายสะสมรถอยู่แล้ว จะรู้กันว่ารถยนต์ที่สวย ๆ นั้นมักจะมีจำนวนจำกัด เห็นได้น้อยตามท้องถนน แถมยังต้องแลกมาด้วยเม็ดเงินมหาศาล เพื่อใช้สำหรับซื้อรถแรร์ที่มีจำนวนจำกัดนี้ บางคนถึงขั้นยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินก้อนโต เพื่อนำเข้ารถเข้ามาในประเทศเลยทีเดียว สำหรับคนที่อยากรู้แล้วว่ารถที่เราได้นำมาจัดอันดับนั้นมีรุ่นไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. Bugatti La Voiture Noire

Bugatti La Voiture Noire
Bugatti La Voiture Noire

เป็นรถยนต์ที่จัดได้ว่าสวยที่สุดในโลก แถมยังพ่วงอันดับรถที่แพงที่สุดในโลกอีกด้วย ผลิตมาเพื่อฉลองที่บริษัทผู้ผลิตมีอายุครบ 110 ปี รถคันนี้ถ้าเป็นเงินไทยนั้นสูงถึง 600 ล้านบาทกันเลยทีเดียว ซึ่งถูกออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถคลาสสิคระดับตำนาน Type 57SC Atlantic มาพร้อมกับฟังช์ชั่นมากมายสมราคา เช่น ไฟหน้า และไฟเบรกแบบ LED ท่อไอเสีย 6 ท่อ เครื่องยนต์คล้ายกันกับเครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ใน Chiron , Chiron Sport , Divo ส่งผลให้ทำความเร็วได้ถึง 400 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าของรถคันนี้คือ คริสเตียโน โรนัลโด้ นั่นเอง

2. Rolls – Royce Sweptail

Rolls - Royce Sweptail
Rolls – Royce Sweptail

รถยนต์ที่ทั้งสวย และหรูหราสะดุดตา ไม่เหมือนใคร เพราะมีเพียงคันเดียวในโลก แถมยังพ่วงตำแหน่งแพงที่สุดในปี 2017 โดยมีราคาสูงถึง 440 ล้านบาท ถูกผลิตมาตามใจลูกค้ามหาเศรษฐีคนหนึ่ง ตามแบบฉบับรถในฝันของเขา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันเรือยอร์ช ใช้เวลาในการผลิตหลายปี ซึ่งก็ถือเป็นรถที่ออกแบบมาได้มีสไตล์ และรสนิยมดีมาก ๆ สวยงามไร้ที่ติ ภายในยังถูกออกแบบอย่างหรูหรา สะอาด เรียบง่าย และทันสมัย ครบทุกรูปแบบการใช้งาน แถมยังมีช่องใส่แชมเปญ และช่องวางแก้วแชมเปญอีกด้วย

3. Koenigsegg CCXR Trevit

Koenigsegg CCXR Trevit
Koenigsegg CCXR Trevit

ไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตมาเพื่อจำหน่ายให้คนที่หลงใหลในซุปเปอร์สปอร์ต เป็นรถที่ติดอันดับหลายตำแหน่ง ทั้งในเรื่องราคาที่สูงถึง 172 ล้านบาท และความเร็วที่ทรงพลัง โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 410 กิโลเมตร/ชั่วโมง และยังมีเพียง 3 คันในโลกเท่านั้น โดยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มีประกายระเพชรสะดุดตา เครื่องยนต์อลูมิเนียมบล็อก พร้อมซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ และการออกแบบอย่างสวยงามหรูหรา ทันสมัยสุด ๆ

4. Lamborghini Veneno

Lamborghini Veneno
Lamborghini Veneno

ซุปเปอร์คาร์ที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม ทันสมัย มีฟังก์ชั่นชัดเจน เช่น ส่วนหน้าที่คล้ายปีกอากาศพลศาสตร์ ประตูที่สามารถเปิดได้แบบปีกนก อีกทั้งมีเพียง 3 คันในโลก ซึ่งแต่ละคันมีลักษณะแตกต่างไม่ซ้ำกันเลย โดยมีเอกลักษณ์ที่ความแรง และความคล่องตัวเหมือนกันกับรถแข่ง พร้อมเครื่องยนต์ และระบบเกียร์แบบอัจฉริยะแบบ 7-Speed ISR สามารถทำความเร็วได้ถึง 355 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมโหมดการขับขี่มากถึง 5 รูปแบบ ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิต มีราคาสูงถึง 144 ล้านบาท

5. W Motors Lykan Hypersport

W Motors Lykan Hypersport
W Motors Lykan Hypersport

รถยนต์สปอร์ตสุดหรูจากดูไบ หนึ่งในรถที่ใช้ประกอบภาพยนต์สุดฮิตเรื่อง Furious 7 และถูกนำไปใช้เป็นรถตำรวจอาบูดาบี มีเพียง 7 คันในโลก ซึ่งหลายคนที่เคยดูหนังเรื่องนี้อาจจะเห็นมาบ้างว่ารถคันนี้ เร็ว แรง ทะลุนรกขนาดไหน เครื่องยนต์ขนาด 3.7 ลิตรแบบทวินเทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 750 แรงม้า แรงบิด 960 นิวตัน ส่งผลให้มีความเร็วสูงสุดถึง 385 กิโลเมตร/ชั่วโมง อีกทั้งยังใช้วัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ และไทเทเนียม ถือเป็นรถที่มีดีไซน์โดดเด่น และยังมีประตูแบบปีกนกอีกด้วย

Categories
รวมบทความ

5 อันดับจุดชมวิวทั่วโลกที่สวยมาก และน่าหวาดเสียวที่สุด

5 อันดับจุดชมวิวทั่วโลกที่สวยมาก และน่าหวาดเสียวที่สุด
5 อันดับจุดชมวิวทั่วโลกที่สวยมาก และน่าหวาดเสียวที่สุด

บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่สวยงามอีกมากมาย ทั้งที่มาจากธรรมชาติ และการสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ แต่ความสวยงามที่มาจากธรรมชาตินั้นอาจจะใช้เวลานานในการสร้างสรรค์ขึ้นมา เมื่อนำมาประสานรวมเข้าด้วยกันแล้วนับว่าสวยงามเป็นอย่างมาก วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับจุดชมวิวทั่วโลกที่สวยงาม และน่าหวาดเสียวเป็นที่สุด จนบางคนไม่กล้าที่จะไปเลยก็เป็นได้ มีที่ไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลยครับ

1. Grand Canyon Skywalk จุดชมวิวที่ยื่นออกมาท่ามกลางภูเขาสูง

Grand Canyon Skywalk จุดชมวิวที่ยื่นออกมาท่ามกลางภูเขาสูง
Grand Canyon Skywalk จุดชมวิวที่ยื่นออกมาท่ามกลางภูเขาสูง

จุดชมวิวนี้ตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เป็นสะพานที่ตั้งระหว่างสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างหุบเขา Grand Canyon ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นทางเดินที่สร้างจากโครงสร้างเหล็กรูปเกือกม้าความยาว 21 เมตร ที่ยื่นออกมาจากหน้าผา และความสูงเหนือหุบเหวกว่า 1500 เมตร โดยเนื้อที่ของทางเดินลอยฟ้านั้นทำมาจากกระจกใสให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นหุบเหวได้ ทางเดินสามารถรับน้ำหนักนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก รับน้ำหนักได้เท่าเครื่องบินทั้งลำเลยทีเดียว ใครที่ชอบความหวาดเสียวของการชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติต้องห้ามพลาดเลยนะครับ

2. ผาหล่มสัก ชมวิวธรรมชาติบนหน้าผาสูงชัน

ผาหล่มสัก ชมวิวธรรมชาติบนหน้าผาสูงชัน
ผาหล่มสัก ชมวิวธรรมชาติบนหน้าผาสูงชัน

หากใครที่มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึง แล้วไม่ได้เช็คอินที่ผาหล่มสักก็ถือว่าพลาดมาก เพราะนับว่าเป็นจุดชมวิวในประเทศไทยที่สวยงาม และน่าหวาดเสียวอีกจุดหนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 1200 เมตร คนที่เคยได้ลองไปเยี่ยมชมกันแล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งสวยงา น่าหวาดเสียวสุด ๆ ไปเลย เพราะเป็นก้อนหินก้อนเดียวที่สามารถนั่งได้ทีละคนเท่านั้น และยังไม่มีอุปกรณ์ช่วยใด ๆ จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการมาชมวิวทิวทัศน์ ณ จุดนี้ นอกจากจะสวยงาม น่าหวาดเสียวแล้วอากาศที่นี่นั้นยังดีเป็นอย่างมาก เหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนคลายความเครียด รับรองว่าหากได้ไปเที่ยวกันดูสักครั้ง ต้องประทับใจแน่นอนครับ

3. น้ำตกตาลฟาน ประเทศลาว พร้อมกิจกรรมชมวิวที่น่าหวาดเสียว

น้ำตกตาลฟาน ประเทศลาว พร้อมกิจกรรมชมวิวที่น่าหวาดเสียว
น้ำตกตาลฟาน ประเทศลาว พร้อมกิจกรรมชมวิวที่น่าหวาดเสียว

น้ำตกตาลฟานนั้นตั้งอยู่ในประเทศลาว ประเทศเพื่อนบ้านของเรานี่เองครับ จุดชมวิวของที่นี่อาจจะไม่น่ากลัวเท่าไร แต่มีกิจกรรมที่น่าหวาดเสียวให้เล่นอย่างการข้ามน้ำตกที่มีสายสลิงยาว 450 เมตร ผ่านหน้าน้ำตกที่มีความสูง 220 เมตร พร้อมกับชมวิวที่สวยงามของธรรมชาติ ในอดีตนั้นน้ำตกแห่งนี้เป็นปากปล่องภูเขาไฟ จึงทำให้มีลักษณะเป็นเหวลึกลงไปอย่างสวยงาม และอลังการเป็นอย่างมาก รอบ ๆ บริเวณยังมีป่าสีเขียว และหมอกในตอนเช้าอีกด้วย หากมาที่นี่แล้วเราจะได้สัมผัสธรรมชาติที่สวยงาม การผจญภัยแบบหวาดเสียว สนุกสนานผ่านกิจกรรมที่จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยว

4. สะพานกระจกรูปเกือกม้า Cloudy Lounge Bridge

สะพานกระจกรูปเกือกม้า Cloudy Lounge Bridge
สะพานกระจกรูปเกือกม้า Cloudy Lounge Bridge

สะพานกระจกรูปเกือกม้าที่จีนนั้นทำลายความยาวของสะพานกระจกที่ Grand Canyon Skywalk ของอเมริกาลงได้ จนกลายเป็นอีก 1 แลนมาร์คของประเทศจีน เมืองฉงชิ่ง ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันอย่างมากมาย โดยจุดชมวิวนี้ตั้งอยู่ที่ความสูง 1016 เมตร ส่วนสะพานแก้วนั้นมีความยาวที่ 16.68 เมตร จากพื้นแม่น้ำวัดขึ้นมาจนถึงตัวกระจกนั้นมีความสูงอยู่ที่ 718 เมตร ทำให้จุดชมวิวแห่งนี้กลายเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม และน่าหวาดเสียวสุด ๆ ไปเลย เพราะต้องเดินชมวิวบนสะพานกระจกใส ด้วยความสูงขนาดนี้ หลายคนถึงขั้นขาสั่นกันมาแล้ว ถือเป็นจุดวัดใจนักท่องเที่ยวเลยครับ แต่หากได้ลองมายืนชมวิวยังจุดนี้แล้วนับว่าคุ้มค่ากับการตัดสินใจ

5. สะพานแก้วจางเจียเจี้ยที่ประเทศจีน

สะพานแก้วจางเจียเจี้ยที่ประเทศจีน
สะพานแก้วจางเจียเจี้ยที่ประเทศจีน

ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่น่าหวาดเสียวจากประเทศจีนอีกหนึ่งแห่ง โดยที่สะพานแห่งนี้นั้นมีความยาวอยู่ที่ 400 เมตร และสูง 300 เมตร ซึ่งแขวนอยู่ระหว่างภูเขา 2 ลูก ในอุทยานแห่งชาติทางตอนใต้ของประเทศจีน มีความกว้าง 6 เมตร ทำขึ้นจากกระจกหนา 99 ชั้น สามารถรองรับน้ำหนักของนักท่องเที่ยวได้สูงถึง 800 คนในเวลาเดียวกัน และได้มีการทดสอบโดยใช้ค้อนปอนด์ทุบลงไปที่กระจกบนสะพาน จนสามารถสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวยังสะพานแห่งนี้

Categories
รวมบทความ

5 อันดับประเทศที่คนไทยชอบไปเที่ยวมากที่สุด

5 อันดับประเทศที่คนไทยชอบไปเที่ยวมากที่สุด
5 อันดับประเทศที่คนไทยชอบไปเที่ยวมากที่สุด

ถ้าพูดถึงประเทศที่คนไทยชอบไปเที่ยวมากที่สุด มีหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งแต่ละประเทศเป็นประเทศในฝันสำหรับหลาย ๆ คน แน่นอนว่านอกจากเงินทุนแล้ว การรวบรวมความกล้า เดินทางไปเปิดหูเปิดตารับรู้สิ่งใหม่ ๆ ในสถานที่ซึ่งเป็นต่างประเทศ และไม่ได้ใช้ภาษาแม่ที่เราได้ยินทุกวันอย่างภาษาไทยเป็นหลัก การไปเที่ยวต่างประเทศนอกจากเงินทุนแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือ ภาษา

แต่ละประเทศที่คนไทยชอบไปเที่ยว ที่ขึ้นชื่อความสวยงาม

ทุกประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่คนไทยชอบไปเที่ยว ติดท็อป 5 น่าจะคุ้นเคยกันดี ส่วนขั้นตอนการเดินทาง เพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก เพราะขั้นตอนการเตรียมตัว และเตรียมความพร้อมเพื่อการท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งในเรื่องของภาษา เอกสารต่าง ๆ และสุขภาพร่างกายก่อนการเดินทาง ถือว่าสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในแถบเอเชียก็ตาม 

พร้อมเที่ยวต่างประเทศ ฉบับตามรอยคนไทยไปเที่ยว

สำหรับประเทศที่คนไทยชอบเที่ยวบ่อยครั้งที่เราได้แรงบันดาลใจจากฉากเพียงฉากเดียวในละคร ในอนิเมะ หรือแม้แต่รูปถ่ายผ่านโซเชียลของเหล่าคนดัง การตามรอยวัฒนธรรม สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องแปลก นอกจากจะทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว หากนักท่องเที่ยวจากไทยไปเที่ยวประเทศนั้นเยอะ ๆ ในอนาคตจะมีคำแนะนำ และบอกต่อทันที ซึ่งในปัจจุบันมีการบอกต่อถึงข้อดีแต่ละประเทศที่นักท่องเที่ยวไทยชอบไปตลอดเวลา รวมถึงทริคในการเดินทาง และข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับประเทศนั้น ๆ เสมอ

5 ประเทศที่มักพบเจอคนไทยได้บ่อยมากที่สุด 

1. ไต้หวัน (Taiwan)

ไต้หวัน (Taiwan)
ไต้หวัน (Taiwan)

เกาะเล็ก ๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนไป 3 ประเทศในเวลาเดียวกัน ตั้งแต่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี แถมค่าเงินก็อยู่ในเรทราคาแลกเปลี่ยนพอ ๆ กับเงินบาทไทย บ้านเมืองสะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวเยอะ เช่น เที่ยวไทเป 101 ตึกที่สูงที่สุดในไต้หวัน หรืออนุสรณ์สถานเจียง ไคเชก (Chiang Kai-Shek Memorial Hall) เพื่อเคารพท่านเจียง ไคเชก ต่อด้วยการตามหาร้านชาไข่มุกร้านแรกของโลก หากชอบแนวธรรมชาติคงหนี้ไม่พ้นทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake) ทะเลสาบแสนสวยห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ หรือหากเป็นสายอนิเมะ คงจะหนีไม่พ้นเมืองโบราณจิ่วเฟิ่น หรือ Jiufen (Chiufen) Village ตามรอยโรงน้ำชาจาก Spirited away ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นจีน หรือภาษาอังกฤษก็ยังพอได้

2. สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ (South Korea)

สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ (South Korea)
สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ (South Korea)

เป็นประเทศในเอเชียตะวันออก ที่ส่งออกวัฒนธรรมทั้งดนตรี Kpop ภาพยนตร์ ซีรีส์ Culture อื่น ๆ ของคนในประเทศ ส่งออกต่างประเทศ จนได้รับความสนใจ จากประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใด ๆ อำนวย กลายเป็นประเทศที่ผู้คนมากมายรวมถึงคนไทยอยากไปเที่ยวมากที่สุด บ้านเมืองสะอาด กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และการขาย Culture นี่เองที่ทำให้อาหารอย่างรามยอน แป้งต๊อกต้มในโคชูจัง รวมถึงโซจู กลายเป็นอาหารที่คนไทย และคนในต่างประเทศอยากกินมากที่สุด ส่วนภาษาที่ใช้สื่อสารส่วนใหญ่ คือ ภาษาเกาหลี หรือภาษาอังกฤษ

3. ญี่ปุ่น (Japan)

ประเทศที่เป็นเป้าหมายแรก ๆ สำหรับการเดินทางไปเที่ยงต่างประเทศของใคร ๆ แม้เป็นประเทศหมู่เกาะ แต่เรามักจะนึกถึงภูเขาไฟฟูจิ และดอกซากุระทุกครั้งที่นึกถึงญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นกลับเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเราสามารถเที่ยวได้ทุกจังหวัด ตั้งแต่การเที่ยวชมสถานที่ ศาลเจ้า ฟาร์มผลไม้ เรียวกัง ไปจนถึงปีนเขาแล้วค่อยมานั่งทานข้าวด้วยรถยนต์ไฟฟ้าก็มีให้เลือก ส่วนภาษาที่ใช้สื่อสารส่วนใหญ่คือภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาอังกฤษ

4. ภูฏาน หรือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan)

ภูฏาน หรือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan)
ภูฏาน หรือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan)

ประเทศเล็ก ๆ ที่เราเพิ่งรู้จักเพียงไม่กี่ปีมานี้ มีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย ผู้คนยังใช้วิธีชีวิตแบบดั้งเดิม และยังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว จึงทำให้ประเทศภูฏาน กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยนิยมไปเที่ยวมากขึ้น ส่วนภาษาที่ใช้สื่อสารยังคงเป็นภาษาถิ่น การไปเที่ยวจึงต้องจ้างล่าม

5. ฝรั่งเศส (France)

ฝรั่งเศส (France)
ฝรั่งเศส (France)

เป็นประเทศในทวีปยุโรปตะวันตกที่คนไทยอยากไปเที่ยวมากที่สุด นอกจากเป็นต้นแบบวัฒนธรรม และศิลปะต่าง ๆ สถานที่ท่องเที่ยวอย่างหอไอเฟลที่เรามักจะพบเห็นในหนัง หรือรูปภาพตั้งแต่เด็ก พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์สถานที่ซึ่งเก็บรูปดังอย่างโมนาลิซ่าเอาไว้ การได้ไปเที่ยว และดื่มด่ำกับสิ่งก่อสร้าง ซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีก็ถือว่าคุ้มแล้ว ส่วนภาษาที่ใช้สื่อสารส่วนใหญ่ คือ ภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาอังกฤษ

การไปเที่ยวต่างประเทศทั้ง 5 ประเทศ นอกจากทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่แล้ว ยังเพิ่มความมีระเบียบ และการวางแผนในชีวิตไปในตัวด้วย นอกจากนั้นสิ่งที่เราได้กลับมาอีกอย่างคือ วัฒนธรรม Culture เช่น อาหาร ดนตรีที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ

Categories
รวมบทความ

5 อันดับวัดสวยในไทยที่น่าไปทำบุญ

5 อันดับวัดสวยในไทยที่น่าไปทำบุญ
5 อันดับวัดสวยในไทยที่น่าไปทำบุญ

ในประเทศไทยนั้นมีวัดที่มากมายหลายแห่งกันเลยทีเดียว อำเภอหนึ่งอาจมีวัดมากกว่า 2 แห่ง แต่บางวัดนั้นก็ดูสวยงามเหมือนของมาจากจินตนาการ จนกลายเป็นแหล่งต้องเที่ยว ที่นอกจากไปแล้วจะได้ทำบุญเสริมศิริมงคลแล้ว ยังได้เที่ยวชมความสวยงามภายในวัดอีกด้วย และในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับวัดที่ขึ้นชื่อว่าสวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย

1. วัดร่องขุ่น แลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงราย

วัดร่องขุ่น แลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงราย
วัดร่องขุ่น แลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงราย

วัดร่องขุ่นนั้นตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งถือได้ว่าเป็นดินแดนแห่งศิลปะเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่สร้างศิลปินมากมายอย่างเช่น อาจารย์เฉลิมชัย เป็นถึงศิลปินแห่งชาติที่ได้สร้างวัดร่องขุ่นพุทธศิลป์ที่งดงามราวกับภาพในจินตนาการให้กลายมาเป็นวัดไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จากการประดับตกแต่งไปด้วยลวดลายสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการวาด การปั้น หรือการลูกเล่นอย่างกระจกเล็ก ๆ มากมาย ผสมเข้ากับวัฒนธรรมล้านนาได้อย่างลงตัว และล่าสุดทางวัดร่องขุ่นได้ทำการสร้างหอพระพิฆเนศสุดอลังการสีทองกลางน้ำ พร้อมสะพานแขวนสีทองที่นำเข้าไปชมตรงกลางหอพระพิฆเนศ ใครที่มาเชียงรายต้องห้ามพลาดการมาดูความสวยงามของวัดร่องขุ่นกันให้ได้เลยนะครับ

2. วัดร่องเสือเต้น เป็นที่สร้างมาจากลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย

วัดร่องเสือเต้น เป็นที่สร้างมาจากลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย
วัดร่องเสือเต้น เป็นที่สร้างมาจากลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย

เป็นอีกหนึ่งวัดไทยที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงรายอย่าง วัดร่องเสือเต้น หรือที่รู้จักกันในชื่อวิหารสีน้ำเงิน ผลงานแห่งศรัทธาของนายพุทธา กาบแก้ว ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โดยที่วัดร่องเสือเต้นนั้นจะใช้สีน้ำเงินฟ้า ภายในพระอุโบสถมีผลงานจิตรกรรมภาพวาดเกี่ยวกับพุทธประวัติ และตรงกลางยังมีพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ พระประธานสีขาวมุข มีหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร ส่วนคำว่าร่องเสือเต้นมาจาก ในอดีตวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง และในสมัยก่อนไม่มีบ้านคน มักจะเห็นเสือกระโดดข้ามแม่น้ำไปมา จึงเกิดเป็นชื่อวัดร่องเสือเต้น สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปวัดร่องเสือเต้นนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าสวยไม่แพ้วัดร่องขุ่นเลย

3. วัดศรีพันต้น วัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไปด้วยสีทอง

วัดศรีพันต้น วัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไปด้วยสีทอง
วัดศรีพันต้น วัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไปด้วยสีทอง

วัดศรีพันต้นมีวิหารสีทองสวยงามอลังการ เป็นวัดที่สร้างโดย พญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่าน แห่งราชวงศ์ภูคา เพราะชื่อวัดตรงกับนามผู้สร้าง ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้นั้นมาจากโบสถ์สีทอง และปูนปั้นพญานาค 7 เศียร โดยเป็นผลงานของนายอนุรักษ์ สมศักดิ์ ศิลปินชาวน่านที่ได้สร้างสรรค์ผลงานที่ราวกับมีชีวิต ภายในวิหารยังผลงานจิตรกรรมที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ และการกำเนิดเมืองน่าน โดยเป็นผลงานที่สวยงาม และมีคุณค่าอย่างมาก 

4. วัดป่าภูก้อน มีพระนอนที่ทำมาจากหินสีขาวทั้งองค์

วัดป่าภูก้อน มีพระนอนที่ทำมาจากหินสีขาวทั้งองค์
วัดป่าภูก้อน มีพระนอนที่ทำมาจากหินสีขาวทั้งองค์

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องห้ามพลาดเมื่อได้ไปจังหวัดอุดรธานี วัดป่าภูก้อนนั้นได้ตั้งอยู่ที่อำเภอนายูง ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอุดรธานีไปประมาณ 120 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งจุดเด่นของวันป่าภูก้อน คือ พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ เพราะวิหารหลังคาสีฟ้าตั้งอยู่บนภูเขาภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์โลกนาถ ศาสดามหามุนี เป็นพระนอนที่ทำมาจากหินอ่อนสีขาวยาว 20 เมตร ออกแบบ และแกะสลักพระพุทธไสยาสน์ โดยอาจารย์นริศ รัตนวิมล ในส่วนของฐานนั้นเป็นภาพปั้นนูนต่ำทองแดง แสดงเรื่องราวของพระมหาปรินิพพานสูตร วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแล้วยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพุทธศิลป์ที่สวยงาม เหมาะแก่การมาเยี่ยมชม ทำบุญเสริมศริมงคล และรักษาไว้

5. วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ถือเป็นวัดที่สวยที่สุดในเวลากลางคืนเลยก็ว่าได้

วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ถือเป็นวัดที่สวยที่สุดในเวลากลางคืนเลยก็ว่าได้
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ถือเป็นวัดที่สวยที่สุดในเวลากลางคืนเลยก็ว่าได้

วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือวัดไทยที่เรืองแสงได้ ที่มาของคำว่าวัดเรืองแสงมาจากหลังโบสถ์ที่มีจิตรกรรมต้นกัลปพฤกษ์ที่จะเรืองแสงในยามค่ำคืน ซึ่งเป็นผลงานของช่างคณนากร ปริญญาปุณโณ ที่ใช้สารเรืองแสงอย่าง ฟอสเฟอร์ ไว้รอบ ๆ สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป หรือหาอากาศดี ๆ เพื่อพักผ่อนนั้นแนะนำว่าให้มาตอนวันเดือนมืด และยังสามารถมองเห็นวิวจากแม่น้ำโขงได้ หรือใช้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินของจังหวัดอุบลราชธานีก็ได้อีกด้วย ตั้งอยู่ที่ อำเภอสิริรธณ จังหวัดอุบลราชธานี

Categories
รวมบทความ

5 อันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย

5 อันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย
5 อันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย

ในโลกนี้มีประเทศที่มากมายหลายประเทศบางประเทศก็รวยเสียจนประเทศอื่น ๆ ต้องอิจฉา บางประเทศก็แสนจะจนอดอยากกันเลยทีเดียว วันนี้เราจะไปดูกับประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียว่า พวกเขานั้นยากจนมาจากสาเหตุอะไรบ้าง และเพราะอะไรที่ทำให้ประเทศเหล่านี้ยากจน ขนาดที่ทำให้คนทั้งประเทศนั้นแทบไม่จะกินกัน

1. ประเทศที่ยากจน เกาหลีเหนือ ดินแดนแห่งทหารที่เป็นใหญ่เหนือสิ่งใด

ประเทศที่ยากจน เกาหลีเหนือ ดินแดนแห่งทหารที่เป็นใหญ่เหนือสิ่งใด
ประเทศที่ยากจน เกาหลีเหนือ ดินแดนแห่งทหารที่เป็นใหญ่เหนือสิ่งใด

จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันเกาหลีเหนือตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออก และเป็นประเทศที่ยากจนเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย โดยมี GDP ต่อหัวเพียงแค่ 651 ดอลลาร์ ความยากจนในประเทศเกาหลีเหนือเกิดจากการปกครองโดยระบอบเผด็จการ ซึ่งทำให้ตลาดเสรีนั้นแทบไม่มีอยู่จริงในเกาหลีเหนือ คาดว่าปริมาณประชากร 60% ของเกาหลีเหนือนั้นอาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนของประเทศ โดยระบอบเผด็จการของเกาหลีเหนือนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศเกาหลีเหนือนั้นเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอีกด้วย

2. ประเทศเนปาล ประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นอยู่รอบตัว

ประเทศเนปาล ประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นอยู่รอบตัว
ประเทศเนปาล ประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นอยู่รอบตัว

ประเทศเนปาลนั้นตั้งอยู่ในเอเชียใต้ ซึ่งถือเป็นประเทศที่ยากจนเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชียเลยก็ว่าได้ ประเทศเนปาลนั้นมี GDP ต่อหัวอยู่ที่ 718 ดอลลาร์ ความยากจนของประเทศเนปาลนั้นมาจากการไม่มั่นคงทางการเมืองในการคอร์รัปชั่น จึงเกิดปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลา ทว่าประเทศเนปาลนั้นยังขาดแคลนทางอุตสาหกรรม และพึ่งการเกษตรกรรมแทน แม้จะอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก แต่ประเทศเนปาลกลับไม่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมากเท่าไรนัก แต่กลับให้ทรัพยากรธรรมชาติกับประเทศอื่นที่เข้ามาลงทุน จนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ประเทศเนปาลนั้นเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย รองลงมาจากประเทศเกาหลีเหนือ

3. ประเทศทาจิกิสถาน เป็นประเทศที่ประชากรหนีออกนอกประเทศ

ประเทศทาจิกิสถาน เป็นประเทศที่ประชากรหนีออกนอกประเทศ
ประเทศทาจิกิสถาน เป็นประเทศที่ประชากรหนีออกนอกประเทศ

ด้วยประเทศทาจิกิสถานนั้นตั้งอยู่ทางตอนใต้บริเวณเอเชียกลาง ซึ่งมี GDP ต่อหัว 729 ดอลลาร์ จึงทำประเทศทาจิกิสถานเป็นประเทศที่ยากจน เกิดจากการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นหยุดชะงักลง คนที่มีความรู้ความสามารถหลายคนย้ายออกนอกประเทศ เพื่อค้นหาโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น จนทำให้ประเทศทาจิกิสถานเป็นประเทศที่มีระบบการโอนย้ายเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้สงครามกลางเมืองของประเทศทาจิกิสถานนั้นได้ทำลายโรงเรียนประมาณ 1 ใน 5 ของโรงเรียนทั้งหมดในประเทศ ทำให้เด็ก ๆ ไม่สามารถได้รับการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดในการลดปัญหาความยากจนนั้นเอง

4. ประเทศเยเมน เป็นที่เกิดสงครามเป็นเวลานาน

ประเทศเยเมน เป็นที่เกิดสงครามเป็นเวลานาน
ประเทศเยเมน เป็นที่เกิดสงครามเป็นเวลานาน

ประเทศเยเมนนั้นเป็นประเทศเอเชียที่อยู่ในตะวันออกกลาง และเป็นประเทศที่มีค่า GDP ต่อหัวเพียง 851 ดอลลาร์ ตามที่องค์การสหประชาชาติจัดอันดับให้ประเทศเยเมนอยู่ที่ 168 จาก 177 ประเทศในดัชนีการพัฒนามนุษย์ หรือ HDI ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดของโลก และเป็นประเทศที่ยากจนเป็นอันดับ 4 ในเอเชีย ด้วยความยากจนของประเทศเยเมนนั้นเกิดจากการทำสงครามกลางเมือง การคอร์รัปชั่นทางการเมือง และการจัดการทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด ทำให้ประชากร และประเทศเยเมนตกอยู่ในความยากจนอย่างแสนเข็ญ ประมาณ 79% ของประชากรชาวเยเมนอาศัยอยู่ในภายใต้เส้นความยากจน และ 65% ของประชากรนั้นจัดได้ว่ายากจน จนแทบไม่มีอะไรจะกิน และยังต้องหวาดกลัวกับสงครามอีกด้วย

5. ประเทศคีกีสถาน ประเทศที่ธรรมชาติไม่ให้อะไรเลย

ประเทศคีกีสถาน ประเทศที่ธรรมชาติไม่ให้อะไรเลย
ประเทศคีกีสถาน ประเทศที่ธรรมชาติไม่ให้อะไรเลย

อันดับสุดท้ายของประเทศที่ยากจนอย่างประเทศคีกีสถานนั้น เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเอเชียกลาง มีแต่ภูเขาที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้ และไม่มีทางเดินเรือออกสู่ทะเล ทำให้ประเทศคีกีสถานมีรายได้ประชาชาติขั้นต้น หรือ GNI ต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของยุโรป และเอเชียกลาง ประมาณ 32% ของประชากรนั้นมีชีวิตที่อยู่ที่เส้นความยากจน ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้ประเทศคีกีสถานนั้นเกิดความยากจนคือ การพึ่งการเกษตร และช่องว่างในความรู้ รวมถึงทรัพยากรในหมู่ประชาชน ประเทศคีกีสถานนั้นยังมีทรัพยากรทางธรรมเพียงแค่ไม่กี่แห่งที่เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก และสามารถส่งออกได้เฉพาะฝ้าย หรือยาสูบเท่านั้น นอกจากนี้ยังขาดการบริการทางด้านธนาคาร และการเงินในประเทศอีกด้วย ทำให้ประชาชนในประเทศนี้ไม่สามารถทำการทุนได้ จึงทำให้เกิดการขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

Categories
รวมบทความ

5 อันดับประเทศที่รวยที่สุดในโลก จนคุณต้องร้องว้าว

5 อันดับประเทศที่รวยที่สุดในโลก จนคุณต้องร้องว้าว
5 อันดับประเทศที่รวยที่สุดในโลก จนคุณต้องร้องว้าว

ในโลกนี้มีประเทศอยู่มากมายหลายประเทศ ซึ่งบางประเทศนั้นก็ได้พ่ายแพ้สงคราม บางประเทศก็ชนะในสงคราม บางประเทศก็เป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ทำไมประเทศเหล่านี้ถึงได้ร่ำรวยจนเป็นประเทศที่รวยที่สุดในโลก เกิดมาจากสาเหตุอะไร วันนี้เราจะไปพาไปดูประเทศที่รวยที่สุดในโลก โดยวัดจากค่า GDP ต่อปี หรือต่อหัวในประเทศนั้น ๆ กันนะครับ

5. เริ่มจากประเทศที่รวยที่สุดในโลก อันดับสุดท้ายอย่าง สวิตเซอร์แลนด์

เริ่มจากประเทศที่รวยที่สุดในโลก อันดับสุดท้ายอย่าง สวิตเซอร์แลนด์
เริ่มจากประเทศที่รวยที่สุดในโลก อันดับสุดท้ายอย่าง สวิตเซอร์แลนด์

วัดจากค่า GDP ของประเทศ สวิตเซอร์แลนด์มาถึง 66,196 ดอลลาร์ หรือ 2 ล้าน 7 หมื่นบาทต่อคน และต่อปี จนทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ถ้าพูดถึงสวิตเซอร์แลนด์หลายคนอาจนึกถึงนาฬิกา และมีดพก ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของสินค้าที่ชาวสวิตเซอร์แลนด์ผลิตให้กับโลก และรายได้หลักของประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้นมาจากการส่งออกยา เครื่องมือทางการแพทย์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงการท่องเที่ยวภายในประเทศอีกด้วย และที่สำคัญคือบริการทางการเงินที่เป็นที่ทราบกันดีว่าหาใครต้องการเก็บข้อมูลเรื่องเงินให้มาเปิดบัญชีลับที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยความสามารถในการสร้าง GDP ในระดับสูง แต่มีประชากรเพียงแค่ 8 ล้าน 6 แสน คนเท่านั้น

4. ตามมาด้วยประเทศที่รวยที่สุดในโลก และดวงเฮงอย่าง คูเวต

ตามมาด้วยประเทศที่รวยที่สุดในโลก และดวงเฮงอย่าง คูเวต
ตามมาด้วยประเทศที่รวยที่สุดในโลก และดวงเฮงอย่าง คูเวต

GDP อยู่ที่ 66,387 ดอลลาร์ หรือ 2 ล้าน 8 หมื่นบาท ต่อคน และต่อปี นับตั้งแต่มีการค้นพบแหล่งน้ำมันใต้ทะเลทรายอาหรับในปี 1938 ก็ทำให้ประเทศคูเวตกลายเป็นประเทศที่ครอบครองบ่อน้ำมันสำรองมากกว่า 6% ของน้ำมันทั้งโลก แม้จะเป็นสัดส่วนที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับผู้ส่งออกรายใหญ่อย่าง ซาอุดีอาระเบีย ทว่า 90% ของน้ำมันที่ขุดได้คูเวตสามารถนำส่งออกไปขายสร้างรายได้ให้กับ GDP ของประเทศราว 40% อีกทั้งจำนวนประชากรของประเทศคูเวตมีเพียง 4 ล้าน 1 แสนคนโดย 3 ล้านคนเป็นกลุ่มคนต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศคูเวต จนทำให้ประเทศคูเวตเป็นหนึ่งในประเทศที่รวยที่สุดในโลก

3. ประเทศที่ขุดเจอน้ำมันอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE

ประเทศที่ขุดเจอน้ำมันอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE
ประเทศที่ขุดเจอน้ำมันอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE

UAE นั้น มีค่า GDP อยู่ที่ 69,435 ดอลลาร์ หรือ 2 ล้าน 1 แสน 7 หมื่นบาท ต่อคนต่อปี เป็นอีก 1 ประเทศที่มีการค้นพบน้ำมัน จนได้พลิกฟื้นผู้คน และประเทศไปตลอดกาล จากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม ทำการประมง ซื้อขายไข่มุก มาสู่การส่งออกน้ำมันในช่วงปี 1950 และด้วยผู้นำประเทศ ทำให้ดูไบเปลี่ยนจากหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ กลายมาเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าที่สำคัญของโลก รวมไปถึงการยกเว้นภาษีเงินได้ทำให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างมากมา ยพร้อม ๆ กับปริมาณตึกที่เพิ่มจำนวนขึ้นมาก จนทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ปัจจุบันมีเพียง 20 % ที่เป็นชาว UAE โดยกำเนิดที่เหลือเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานที่นี่

2. นอร์เวย์ ขึ้นชื่อเรื่องน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ

นอร์เวย์ ขึ้นชื่อเรื่องน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ
นอร์เวย์ ขึ้นชื่อเรื่องน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ

GDP ของประเทศนอร์เวย์นั้นอยู่ที่ 76,684 ดอลลาร์ หรือ 2 ล้าน 4 แสนบาท ต่อคนต่อปี ประเทศนอร์เวย์เป็นอีก 1 ประเทศที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปด้วยน้ำมัน ที่มีการค้นพบน้ำมันในทะเลเหนือ เมื่อปี 1969 และสิ่งที่ช่วยพัฒนาความมั่งคั่งให้กับประเทศมากขึ้นไปอีกก็คือ ผู้นำของประเทศในการนำรายได้จากขายน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติมาจัดตั้งกองทุนแห่งชาติที่นำเงินมาลงทุนสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้กองทุนนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดมากกว่าเศรษฐกิจของบางประเทศเสียอีก กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่รวยที่สุดในโลก และยังคืนผลประโยชน์ให้กับประชาชนในด้านการศึกษา และสุขภาพ ทำให้ชาวนอร์เวย์ทั้ง 5 ล้าน 3 แสนคนนั้นแทบจะไม่มีช่องว่างทางการเงิน หรือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ มีมาตรฐานการครองชีพสูง จนทำให้เกิดห้องพักของนักโทษที่มีความสะอาด และสะดวกสบาย มากกว่าห้องพักของโรงแรมของบางประเทศเสียอีก

1. อันดับที่หนึ่งคงหนีไม่พ้น ประเทศไอร์แลนด์

อันดับที่หนึ่งคงหนีไม่พ้น ประเทศไอร์แลนด์
อันดับที่หนึ่งคงหนีไม่พ้น ประเทศไอร์แลนด์

ประเทศไอร์แลนด์นั้นมี GDP อยู่ที่ 83,399 ดอลลาร์ หรือ 2 ล้าน 6 แสน 1 หมื่นบาท ต่อคน และต่อปี โดยได้ใช้วิธีการเก็บภาษีภาคธุรกิจที่ต่ำ จึงดึงดูดให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกมาตั้งฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศไอร์แลนด์ โดยเฉพาะธุรกิจด้านการบริการ การทำบัญชี การให้บริการหลังการขาย นักธุรกิจ ซื้อขาย นายหน้า หลักทรัพย์ ผนวกกับรายได้จากการท่องเที่ยว การเกษตร และการผลิตอื่น ๆ เช่น ส่งออกโลหะ เบียร์ ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนซอฟต์แวร์ ทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งจนแทบไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในยุโรป จนทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่รวยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามก็ยังมีปัญหาการเหลื่อมล้ำของประชากรที่มีอยู่ 5 ล้านคน โดย 20% ของประชากรชาวไอร์แลนด์ที่มีฐานะดีมีความร่ำรวยสูงกว่าอีก 20% ที่เป็นชาวรากหญ้า มากถึง 5 เท่ากันเลยทีเดียว

Categories
รวมบทความ

5 อันดับมหาเศรษฐีของโลกที่ทำเงินได้อย่างมหาศาล

5 อันดับมหาเศรษฐีของโลกที่ทำเงินได้อย่างมหาศาล
5 อันดับมหาเศรษฐีของโลกที่ทำเงินได้อย่างมหาศาล

ในโลกนี้ยังมีใครอีกมากมายที่ต้องการที่จะประสบความสำเร็จทางหน้าที่การงาน หรือในอาชีพของตน และอยากที่จะร่ำรวยจนมีเงินใช้ไม่มีหมด แต่ก็มีคนอีกมากมายที่ผิดหวังกับเรื่องต่าง ๆ จนทำให้เราสะดุดล้ม และไม่สามารถทำตามความต้องการของตนเองได้อีกมากมาย วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับมหาเศรษฐีของโลกที่พวกเขาเหล่านี้ได้ล้มมากี่รอบแล้วก็ยังลุกมาสู้ต่อเพื่อความฝันของพวกเขา

1. มหาเศรษฐี Elon musk ชายที่เป็น I RON MAN ในชีวิตจริง

มหาเศรษฐี Elon musk ชายที่เป็น I RON MAN ในชีวิตจริง
มหาเศรษฐี Elon musk ชายที่เป็น I RON MAN ในชีวิตจริง

Elon Musk อายุเพียงแค่ 49 ปีเท่านั้น ซึ่งเขาอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา รัฐเท็กซัส เป็น CEO และผู้ก่อตั้งบริษัทเทสล่า ซึ่งเป็นบริษัทที่มีเงินหมุนเวียน 197 พันล้านเหรียญสหรัฐ และหุ้นส่วนประมาณอีก 20% หรือประมาณ 141 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญเขายังมีธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสำรวจอวกาศ ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวที่มีมูลค่าเป็นเงินอีกประมาณ 1,870 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามบริษัทเทสล่านั้นมีธุรกิจมากมายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจทางออนไลน์อย่าง Paypal ธุรกรรมทางการเงินออนไลน์เราทั้งเป็นผู้ออกมา Space X ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในการออกไปสำรวจอวกาศนอกโลก จนทำให้เป็นที่โด่งดังมาก และยังเป็นผู้ก่อตั้งรถไฟฟ้าบ้านเราในตอนนี้ นอกจากนี้เขายังมีธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับคนพิการโดยเฉพาะหุ่นยนต์ และโรบอทที่สามารถตอบโต้กับผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ Elon Musk นั้นมีธุรกิจมากมาย และประสบความสำเร็จจนทำให้เขานั้นเป็นมหาเศรษฐีของโลกในปัจจุบัน

2. Jeff Bezos ชายที่รวยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

Jeff Bezos ชายที่รวยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
Jeff Bezos ชายที่รวยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

เป็นผู้ก่อตั้ง และ CEO ของบริษัท AMAZON ด้วยตอนนี้อายุของ Jeff Bezos นั้นอยู่ 56 ปีและอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา หลักๆ แล้ว Jeff Bezos นั้นมีเงินเก็บอยู่ที่ประมาณ 182 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังมีอีกประมาณ 165 พันล้านเหรียญสหรัฐรวมทั้งทรัพย์สินส่วนตัวอีก 2 ก้อนก็คือ 7.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 9.55 พันล้านเหรียญสหรัฐอีกด้วย ต้องบอกก่อนเลยว่าบริษัท AMAZON นั้นเมื่อก่อนเป็นเพียงบริษัทขายหนังสือพิมพ์ทั่วไปก่อน และได้เปลี่ยนไปเป็นร้านค้าที่ขายสินค้าครบวงจร ซึ่งก็ทำต่อไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก จนมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากที่สุดในโลกอีกด้วย และกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ

3. Bill Gates คุณลุงที่สร้าง Microsoft ให้เราได้ใช้

Bill Gates คุณลุงที่สร้าง Microsoft ให้เราได้ใช้
Bill Gates คุณลุงที่สร้าง Microsoft ให้เราได้ใช้

ปัจจุบันนี้ Bill Gates นั้นมีอายุอยู่ที่ 65 ปี ซึ่งเขาอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ก่อตั้ง Microsoft โดยหลักแล้ว Bill Gates นั้นมีเงินอยู่ประมาณ 132 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่ยังไม่รวมกับเงินที่ทำธุรกิจอย่างอื่นอีกมากมายมหาศาล อย่างไรก็ตามที่ทุกคนรู้นั้นว่า Microsoft นั้นทำ Windows และทุก Windows ที่เราใช้ในปัจจุบันนี้นั้นก็มาจากบริษัท Microsoft ทั้งหมด ถ้าพูดถึงประวัติของ Bill Gates นั้นเมื่อตอนที่ Bill Gates ยังเด็กอยู่เขาได้ทำงานกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ออกมา เขาได้ทำมาตลอดจนเขาได้ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาทำการพัฒนาซอฟต์แวร์จนธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จ และกลายเป็นมหาเศรษฐี 

4. Bernard Arnault คุณลุงที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก

Bernard Arnault คุณลุงที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก
Bernard Arnault คุณลุงที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก

Bernard Arnault ถือได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีของโลกอีกคนเลยก็ว่าได้ เขาอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศส และมีอายุ 71 ปี ซึ่งเป็นประธาน และ CEO ของบริษัท AVMS , บริษัท RVMUY เป็นบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่มีขนาดใหญ่หรูหราระดับโลก ซึ่งบริษัทที่ว่านี้นั้นเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินค้าแฟชั่นเเบรนด์เนมชื่อดัง ซึ่งบอกได้เลยว่าสินค้าชั้นนำในห้างนั้นก็อาจจะมี Bernard Arnault เป็นเจ้าของเกือบทั้งหมดเลยกว่าได้ คุณลุง Bernard Arnault นั้นมีเงินเก็บจากการทำกำไรของสินค้าเเบรนด์เเนม อยู่ที่ประมาณ 109 พันล้านเหรียญสหรัฐ

5. Mark Zuckerberg บุรุษที่มีปัญหากับศาลอเมริกาเพียงเพราะ FACEBOOK

Mark Zuckerberg บุรุษที่มีปัญหากับศาลอเมริกาเพียงเพราะ FACEBOOK
Mark Zuckerberg บุรุษที่มีปัญหากับศาลอเมริกาเพียงเพราะ FACEBOOK

มาถึงลำดับสุดท้าย อย่าง Mark Zuckerberg ที่มีอายุเพียง 35 ปีเท่านั้นก็กลายมาเป็นมหาเศรษฐีอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เขานั้นเป็นผู้ก่อตั้ง และเป็น CEO ของบริษัท Facebook เป็นผู้ที่มีเงินเก็บอยู่ที่ประมาณ 95.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งเกี่ยวกับโอนเนอร์ชิปอีกประมาณ 92.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เงินสดอีกประมาณ 2.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ และนับรวมกับอสังหาริมทรัพย์อีกประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่ามีทรัพย์สินเยอะมาก ต้องบอกก่อนเลยว่าตอนแรกนั้น Mark Zuckerberg ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และเขาต้องการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนในสมัยก่อนมันเป็นความยุ่งยาก จึงได้คิดค้นแพลตฟอร์มขึ้นมาคือ FACEBOOK ซึ่งเอาไว้ถ่ายงานถ่ายไฟล์ในกลุ่มเพื่อน ซึ่งก็มีคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเข้ามาใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่นิยม เขาจึงได้ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย และไปพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับ FACEBOOK จนประสบความสำเร็จไปทั่วโลก